เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายกรัฐมนตรีซูเจินชาง (蘇貞昌) ได้กล่าวในการประชุมขยายขอบเขตการป้องกันโรคของสภาบริหารไต้หวัน ระบุว่า สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ทั่วโลกกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง มีความเป็นไปได้ว่าเกี่ยวเนื่องกับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาไต้หวันตรวจพบโควิดสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้ในผู้ป่วยติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศหลายราย นายกรัฐมนตรีซูเจินชางกล่าวว่า ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน การเดินทางท่องเที่ยวและการพบปะสังสรรค์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงยังไม่มีการปรับเปลี่ยนมาตรการกักตัวของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ให้คงมาตรการป้องกันโรคแบบเดิมไว้ก่อน
ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคไต้หวันเผยในที่ประชุม ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกล่าสุดเพิ่มขึ้น 21% โดยยุโรปและสหรัฐอเมริกากลับมาระบาดหนักมากที่สุด ส่วนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ อัตราการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น 20% – 50% เป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน และการแพร่ระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ที่ลุกลามมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ศูนย์บัญชาการฯ ชี้ว่า สถานการณ์โควิดในไต้หวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มชะลอตัวลง ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการเบาและไม่แสดงอาการ มีสัดส่วนประมาณ 99.6% แต่ผู้ป่วยยืนยันที่มาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่ตรวจพบติดเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 จึงต้องเฝ้าระวังและจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ระบาดสู่ชุมชน นอกจากนี้ ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน อัตราการท่องเที่ยวและการพบปะสังสรรค์เพิ่มสูงขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันทั้งในและต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคไต้หวัน ระบุว่า ปัจจุบันไต้หวันมีอัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุม 91.33% ของจำนวนประชากร เข็มที่สองครอบคลุม 78.73% วัคซีนเข็มที่สามครอบคลุม 70.34% จากจำนวนผู้ที่มีคุณสมบัติฉีดวัคซีนเข็มที่สาม 94.13% ฉีดวัคซีนสะสมเกิน 58.12 ล้านคนครั้ง
แหล่งข่าว:RTI
รายงานโดย:เจนนรี ตันตารา
แหล่งข่าว : Rti